วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

ขนมไทย

ขนมไทย      

สวัสดีค่ะ ดิฉันวรภาพรจะมานำเสนอเกี่ยวกับขนมไทย ขนมไทยหลายชนิดเช่นทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง และอีกหลายๆชนิด ซึ่งส่วนตัวเป็นคนชอบรับประทานขนมไทยอยู่แล้ว จึงได้แรงบรรดาใจนำเสนอในบล็อคนี้ ชอบวิธีการทำขนมไทย เห็นแล้วรู้สึกสนุกอยากลองทำ เช่นการทำขนมตระกูลทองหยิบ ทองหยอด จะใช้วิธีการต้มน้ำเชื่อมให้เดือดมากๆแล้วค่อยน้ำขนมไปต้มจนสุก ส่วนมากที่เห็นกระทะจะเป็นสีทองเหลือง บ่งบอกถึงความเป็นไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นแนวทางในการศึกษาวิธีขนมต่างๆเพราะมีขนมอีกมากมายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทยที่ยังไม่ได้พูดถึงดิฉันจึงทำบล็อคนี้ขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้เห็นและศึกษากัน ใครที่สนใจสามารถติดตามบล็อคของดิฉันได้ค่ะจะมีการอัพเดทบล็อคของดิฉันเรื่อยๆนะค่ะ


ขอบคุณรูปภาพจากเว็บ kanormthai.blogspot.com
ประวัติของขนมไทย
 ขนมไทยนั้นเกิดมีมานานแล้วตั้งแต่ประเทศไทยยังเป็นสยามประเทศ ซึ่งสมัยนั้นได้ติดต่อ ค้าขายกับต่างชาติ โดยมีการแลกเปลี่ยนติดต่อกันทั้งทางด้านสินค้าและวัฒนธรรม ขนมไทยในยุคแรกๆ เป็นเพียงนำข้าวไปตำหรือโม่ให้ได้แป้ง และนำไปผสมกับน้ำตาล หรือมะพร้าว เพื่อทำเป็นขนม แต่หลังจากการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ วัฒนธรรมด้านอาหารของต่างชาติก็เข้ามามีอิทธิพลกับอาหารไทยมากขึ้น ขนมก็ด้วยเช่นกัน ขนมไทย จึงมีความหลากหลายมากขึ้น จนปัจจุบันยังยากที่จะแยกออกว่า ขนมใดคือขนมไทยแท้

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บ http://th.wikipedia.org/wiki

ยุคที่ขนมไทยมีความหลากหลายและเฟื่องฟูที่สุดคือ ช่วงที่สตรีชาวโปรตุเกส "มารี กีมาร์ เดอปิน่า " ได้สมรสกับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จนได้รับการแต่งตั้งเป็น ท้ายผู้หญิงวิชาเยนทร์ ต่อมาได้บรรดาศักดิ์ เป็น " ท้าวทองกีบม้า "
     โดยรับราชการในพระราชวัง ตำแหน่ง "หัวหน้าห้องเครื่องต้น" สันนิษฐานว่าชื่อตำแหน่ง ทองกีบม้า น่าจะเพี้ยนมาจากชื่อ "ตองกีมาร์" นั้นเอง
     ระหว่างที่รับราชการอยู่นั้น ท้าวทองกีบม้าได้สอนการทำขนมหวานตำรับของชาวโปรตุเกส แก่บ่าวไพร่ ขนมเหล่านั้นได้แก่ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง สังขยา หม้อแกง ฯลฯ ซึ่งมีไข่เป็นส่วนผสมสำคัญ ต่อมามีการเผยแพร่สอนต่อกันมา จนขนมของท้าวทองกีบม้า เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงมีคนยกย่องท้าวทองกีบม้าให้เป็น "ราชินีขนมไทย"

ขอบคุณรูปภาพจาพเว็บ www.smesreport.com
ขนมไทย เป็นของหวานที่นิยมทำและรับประทานกันในประเทศไทย 
สะท้อนถึงเอกลัษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติ โดยแสดงถึงความละเอียดอ่อน
ความพิถีพิถัน และความปราณีตตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ 
จนถึงขึ้นตอนการทำอย่างกลมกลืนของศาสตร์และศิลป์ 
ส่งผลให้ขนมไทยโดดเด่นในด้านรสชาติที่อร่อยหอมหวาน 
สีสัน รูปลักษณ์ สวยงาม ชวนน่ารับประทาน 
เป็นที่ต้องตาต้องลิ้นแก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

ปัจจุบันขนมไทย สอดแทรกอย่างกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประจำชาติ มีบทบาทสำคัญในพิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือประเพณี ที่สำคัญ อันสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละชุมชนได้เป็น อย่างดี นอกจากนั้นขนมไทยยังแอบซ่อนความหมายอันเป็นมงคลไว้อย่างน่า สนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่งงาน ก็จะมีขนมไทย ความหมายดีๆ ประกอบอยู่ในพิธีอย่างขาดเสียไม่ได้ (เช่น ขนมถ้วยฟู มีความ หมายแฝงคือ การเฟื่องฟู / ขนมชั้น แสดงถึงการได้เลื่อนขึ้นชั้น เลื่อนตำแหน่ง เจริญก้าวหน้า เป็นต้น)

นางแสงเดือน  ถนอมนาค
แม่ค้าขายขนมไทย

และในส่วนของแม่ค้าขายขนมไทยเราก็ได้ทำการสัมภาษณ์ในหลายๆอย่าง โดยแม่ค้าขายขนมไทยได้บอกกับเราว่าขนมไทยมีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารเยอะ พวกโปรตีนที่มาจากไข่ แล้วก็ถั่วทุกอย่างที่ให้คาร์โบไฮเดต โปรตีนก็ได้จากพวกแป้ง และที่ขายดีที่สุดในร้านก็คือ ขนมเครื่องทอง เช่น ฝอยทอง เม็ดขนุน ทองหยอด ทองหยิบ ยกตัวอย่างสูตรขนมไทยมา1อย่าง คือ

สูตรทำขนมไทย ฝอยทอง
วิธีทำขนมไทยฝอยทอง
1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว
3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด
4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ
5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ http://www.ezythaicooking.com/thai_dessert_recipes.html


สำหรับท่านใดที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับประวัติของขนมไทย วิธีทำขนมไทยอีกหลายๆอย่างหรือจะเป็น วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมไทยก็ลองอ่านบล็อคของดิฉันดูคร่าวๆก่อนก็ได้นะค่ะ บางทีอาจจะมีแนวทางในการทำเป็นอาชีพการค้าแหล่งการขายได้ดิฉันจะอัพเดตเรื่อยๆก็ลองเข้ามาดูและติชมกันได้ค่ะ






https://youtu.be/p9Fy5o5QaPw สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 4.0 International.